วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ-ชื่อสกุล                         นางสาวเยาวลักษณ์  ยงหอม
ชื่อเรียกเล่นๆ                      POPPY
เกิดเมื่อ                               18  พฤษภาคม  2537
ระดับการศึกษา                   ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)
สาขาวิชา                           คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ชั้นปีที่ 2  คต5/3
ที่อยู่ปัจจุบัน                       253 หมู่ที่ 9 ตำบล นาบัว  อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 32000
โทรศัพท์                            090-0477679
E-mail                                 POPSURIN1@GMAIL.COM
Facebook                           Pop Surin(โกนกันตรึม)
ความสามารถพิเศษ        ร้องเพลง

เพิ่มคำอธิบายภาพ

นักร้องประจำอยู่วงเทพดีกรี

ความรู้สึกที่อยากจะอธิบาย   POPมีความสุขมากที่ไม่ว่าจะร้องเพลงหรือฟังในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะทุกข์หรือว่าสุข  ก้มีเพลงที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับPOP
POP โตมาด้วยเสียงเพลง เพราะพ่อของPOP ก้เป็นนักร้อง แต่ เป็นนักร้องเพลงพื้นบ้านของ จ.สุรินทร์
ถามว่าPOPชอบร้องเพลงสตายไหนอ่ะหรอ ก้ร้องได้หมดอ่ะน่ะ แต่ที่POPดีใจชอบและรักที่สุดคือ เพลงพื้อนบ้าน จ.สุรินทร์ นี่แหล่ะค่ะ POPชอบตรงไหนอ่ะหรอ  ซอไง  เสียงซอเพราะมาก เพราะPOPโตมากับเสียงเพลงพื้นบ้าน  และมันกำลังจะหายไป โดยไม่มีลูกหลานมาอนุรักษ์สืบสานกันต่อไป วัยรุ่นส่วนใหญ่จะนิยมฟังเพลง ต่างชาติ และไม่ค่อยนิยมฟังเพลงพื้นบ้านกันสักเท่าไหร่ และมันก้จะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา......




                                         Pop Surin (โกนกันตรึม)





ปฏิบัติตามคุณธรรมทางศาสนา

5. ปฏิบัติตามคุณธรรมทางศาสนา


เป็นคุณธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงนำเอาคำแปลพระศาสนธรรมคำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่าฆราวาสธรรม มารวมเป็นพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นหลักให้ประชาชนคนไทยทุกคนได้ศึกษา และนำไปปฏิบัติปลุกฝังให้เจริญงอกงามในจิตใจ จะช่ายให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข ร่มเย็น


พอเพียง เสียสละ มีน้ำใจ

4. พอเพียง เสียสละ มีน้ำใจ


 การประหยัดเป็นค่านิยมที่ช่วยให้บุคคลสามารถเก็บหอมรอมริบ รู้จักใช้เงินทองในทาง
ที่ถูกที่ควร บุคคลที่รู้จักประหยัดย่อมสร้างอนาคตให้เป็นปึกแผ่นได้และนั่นหมายถึง
 ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติด้วย ดังนั้นประชาชนทุกคนจึงควรได้รับการ
ปลูกฝังค่านิยมนี้ขึ้นโดยระลึกอยู่เสมอว่าไม่มีใครสร้างอนาคตที่ดีได้โดยไม่รู้จักประหยัดการที่บุคคลอยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือสงเคราะห์กันแบ่งปันทรัพย์ของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้ตกยากลำบาก หรือสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแล้วสังคมนั้นก็จะทำให้เกิดความรักใคร่สามัคคีและนำมาซึ่งความสงบสุขแก่หมู่คณะด้วย


ซื่อสัตย์ สุจริต

3. ซื่อสัตย์ สุจริต


  ความซื่อสัตย์สุจริต  หมายถึง ผู้ที่มีความประพฤติตรงต่อเวลา ต่อหน้าที่ และต่อวิชาชีพ  มีความจริงใจ ไม่มีความลำเอียง ไม่ทุจริตคดโกง ทั้งทางตรงและทางอ้อม รู้หน้าที่การงานของตนเอง ปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถ  ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
            ผู้ที่จะมีความซื่อสัตย์สุจริตได้ ต้องมีคุณธรรมประจำ กาย วาจา ใจ คือ
            ๑) มีสัจจะ หมายถึง การคิด การพูด การทำแต่ความจริง
            ๒) มีความเป็นธรรม หมายถึง มีใจเป็นกลาง
            ๓) ไม่มีอคติ หมายถึง ไม่มีความลำเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง
            ๑) ผู้ที่มีสัจจะ คือผู้ที่มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และผู้อื่น เช่น จะคิด จะพูด จะทำ สิ่งใดก็ต้องทำสิ่งนั้นให้สำเร็จลุลวงไปด้วยดี สิ่งนั้นต้องเป็นความจริง มีประโยชน์กับตนเองผู้อื่น และส่วนรวม จะประกอบกิจการใดๆ ก็มีความจริงจัง จริงใจ ต่อเนื่อง มีความซื่อตรงต่อเวลาต่อหน้าที่ มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริตคดโกงทั้งทางตรงและทางอ้อม มีความประพฤติดีทั้งกาย วาจา ใจ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง ผู้อื่น องค์กร สังคม และประเทศชาติบ้านเมือง
            ๒) มีความเป็นธรรม เป็นผู้ที่รู้เหตุ รู้ผล รู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี เข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์   ย่อมทำถูกบ้าง  ผิดบ้าง เพราะมีสติปัญญาแตกต่างกัน ผู้ที่มีใจเป็นกลาง  ต้องส่งเสริมสนับสนุน ผู้ที่ทำถูกทำดีแล้วให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป  และให้โอกาสผู้ที่ทำผิดทำชั่ว โดยช่วยอบรมสั่งสอน ให้ปรับปรุงแก้ไขตนเอง  ให้ละชั่วประพฤติดี ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก  นี้คือ คุณสมบัติของ  ผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจ คือ  “ความเป็นธรรม”
             ๓)  ไม่มีอคติ หมายถึง  ไม่มีความลำเอียง  ๔  ประการดังนี้
                        ๑) ไม่ลำเอียงเพราะรัก
                        ๒) ไม่ลำเอียงเพราะเกลียด
                        ๓) ไม่ลำเอียงเพราะกลัว
                        ๔) ไม่ลำเอียงเพราะโง่เขลา
            ผู้ที่มีอคติ   คือมีความลำเอียง  หรือความเอนเอียง   เข้าข้างใดข้างหนึ่ง  ไม่เป็นกลาง  ไม่มีความยุติธรรม
            ๑) ไม่ลำเอียงเพราะรัก หมายถึง คนที่เรารักทำความผิดเราก็ต้องตัดสินว่าผิด คนที่เรารักทำถูกเราก็ตัดสินว่าถูก เพราะมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
            ๒) ไม่ลำเอียงเพราะเกลียด คนที่เราเกลียดทำถูกเราต้องตัดสินว่าถูก คนที่เราเกลียดทำผิดเราก็ต้องตัดสินว่าผิด เพราะมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
            ๓) ไม่ลำเอียงเพราะกลัว ผู้ที่มีอำนาจทำผิด เราก็ต้องตัดสินว่าผิด ผู้ที่มีอำนาจมีอิทธิพลทำถูกเราก็ต้องตัดสินว่าถูก เพราะมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ไม่เกรงกลัวอำนาจอิทธิพลใดๆ
            ๔) ไม่ลำเอียงเพราะโง่เขลา ผู้ใดที่กระทำความผิด เราต้องใช้สติปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ ไม่หูเบาเชื่อคนง่าย ไม่ตัดสินคดีความด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ต้องมีความเป็นธรรม เป็นกลาง และซื่อสัตย์ต่อตนเองและหน้าที่ของตน
            ผู้ที่มีคุณธรรมดังที่กล่าวมาแล้วนี้ คือ มีสัจจะ การคิด การพูด การทำแต่ความจริง มีความเป็นธรรม คือ มีใจเป็นกลาง ไม่มีอคติ คือ ไม่ลำเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง ผู้ที่มีคุณธรรมทั้ง ๓ อย่างนี้ จะเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อหน้าที่การงาน ต่อองค์กร ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
            ส่วนผู้ที่มีอคติ คือมีความลำเอียงหรือเอนเอียง เข้าข้างใดข้างหนึ่ง ไม่มีความเป็นธรรม ไม่มีความเป็นกลาง
            ๑) ลำเอียงเพราะรัก คือคนที่ตนรักทำผิดก็ตัดสินว่าถูก
            ๒) ลำเอียงเพราะเกลียด คนที่ตนเกลียด ทำถูกก็ตัดสินว่าผิด
            ๓) ลำเอียงเพราะกลัว ผู้ที่มีอำนาจมีอิทธิพลทำความผิดก็ตัดสินว่าถูก
            ๔) ลำเอียงเพราะโง่เขลา จะตัดสินปัญหาใดๆก็ผิด เพราะเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่าย ไม่มีสติปัญญา ไม่มีคุณธรรม ตัดสินปัญหาต่างๆด้วยอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ไม่มีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ หน้าที่การงาน  ไม่มีความจริงใจต่อตนเอง และผู้อื่น ทำให้สังคมเสื่อมโทรม ไม่ควรเคารพนับถือ ไม่ควรคบค้าสมาคม นี้คือ  ผู้ที่ขาดคุณธรรมทั้ง ๓ อย่าง

รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

2. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

 ๑) รักชาติ คำว่า  ชาติ  หมายถึง ประเทศ  และแผ่นดินที่มีประชาชนยึดครอง  มีเขตแดนหรืออาณาเขตที่แน่นอน  มีการปกครองเป็นสัดส่วน  มีผู้นำเป็นผู้ปกครองประเทศ และประชาชนทั้งหมดด้วยกฎหมาย  ที่ประชาชนในชาตินั้น ๆ กำหนดขึ้น  เช่น ประเทศไทย  เป็นประเทศที่มีอาณาเขต  มีเนื้อที่ประมาณ  ๕๑๓,๑๑๕ ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ ๖๓ ล้านคน (พ.ศ.๒๕๕๓)
มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  มีศาสนาพุทธ  เป็นศาสนาประจำชาติ  มีวัฒนธรรม  ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี    เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของตนเอง  สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษเป็นเวลายาวนาน
 ๒) รักศาสนา คำว่า  ศาสนา  หมายถึง  คำสอนขององค์พระศาสดาแต่ละพระองค์ เช่น 
       -  ศาสนาคริสต์  คือ คำสอนของพระเยซูเจ้า 
       -  ศาสนาอิสลาม  คือ คำสอนของพระอัลลอฮ์  มีศาสดาชื่อมุฮัมมัด  นับถือพระเจ้าองค์เดียวคือพระอัลลอฮ์ 
       -  ศาสนาพุทธ  คือ คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
       -  ศาสนาอื่น ๆ ก็คือ คำสอนขององค์ศาสดาแต่ละพระองค์ตามศาสนาหรือลัทธิความเชื่อของศาสนานั้น ๆ
   ๓)  รักพระมหากษัตริย์  คำว่า  พระมหากษัตริย์  หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน  ผู้เป็นพระประมุข(ผู้เป็นใหญ่)ของประเทศ  มีหน้าที่  ปกครองประชาชนพลเมืองในประเทศนั้น ๆ ให้อยู่ดีมีสุข  ตามกฎหมาย  ตามครรลองคลองธรรม  จารีตประเพณีวัฒนธรรม  ของชาตินั้น ๆ  เช่นประเทศไทย  มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  เป็นพระประมุข  ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม  เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม  ตามทศพิธราชธรรม

รู้หน้าที่ มีวินัย มีความภูมิใจในความเป็นไทย

1.รู้หน้าที่ มีวินัย ภูมิใจในความเป็นไทย

ข้อปฏิบัติที่มีหลักเกณฑ์เพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุสำเร็จโดยดี ฉะนั้นการสร้างนิสัยให้เป็นคนมีระเบียบวินัยจึงจำเป็นต่อการสร้างสรรค์ความมั่นคงก้าวหน้าของประเทศ ระเบียบวินัยที่
สำคัญ ๆ ได้แก่ รัก และรักทรัพย์สมบัติของชาติ การตรงต่อเวลา ความสะอาด ความภูมิใจในตัวเองเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น หากปราศจากความภาคภูมิใจและความเชื่อมั่นในตัวเองจะทำให้เราไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง นั่นหมายถึงความภูมิใจ และความมั่นใจเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาระบบสังคม และเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งองค์กร หรือแม้กระทั่งผู้นำในครอบครัว